ภูมิพลอดุลยเดช ป.ร.

ให้ไว้ ณ วันที่ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2517

เป็นปีที่ 29 ในรัชกาลปัจจุบัน

พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้า ฯ ให้ประกาศว่า

โดยที่เป็นการสมควรปรับปรุงกฎหมายว่าด้วยการฌาปนกิจสงเคราะห์

จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้ตราพระราชบัญญัติขึ้นไว้โดยคำแนะนำและยินยอมของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ดังต่อไปนี้

มาตรา 1 พระราชบัญญัตินี้เรียกว่า “พระราชบัญญัติการฌาปนกิจสงเคราะห์ พ.ศ. 2517”

มาตรา 2(1) พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป

มาตรา 3 ให้ยกเลิกประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 287 ลงวันที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ.2515

หมวด 1

บททั่วไป

มาตรา 4 ในพระราชบัญญัตินี้

“การฌาปนกิจสงเคราะห์” หมายความว่า กิจการที่บุคคลหลายคนตกลงเข้ากัน เพื่อทำการสงเคราะห์ซึ่งกันและกันในการจัดการศพ หรือจัดการศพและสงเคราะห์ครอบครัวของบุคคลหนึ่งบุคคลใดที่ตกลง เข้ากันนั้นซึ่งถึงแก่ความตาย และมิได้ประสงค์จะหากำไรเพื่อแบ่งปันกัน

“สมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์” หมายความว่า สมาคมที่จัดตั้งขึ้นเพื่อดำเนินกิจการการฌาปนกิจสงเคราะห์

“เงินค่าสมัคร” หมายความว่า เงินค่าสมัครเข้าเป็นสมาชิกของสมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์

“เงินสงเคราะห์” หมายความว่า เงินที่สมาชิกร่วมกันออกช่วยเหลือเป็นค่าจัดการศพหรือค่าจัดการศพและสงเคราะห์ครอบครัวของสมาชิกซึ่งถึงแก่ความตาย รวมทั้งเป็นค่าใช้จ่ายเพื่อดำเนินกิจการของสมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์

“พนักงานเจ้าหน้าที่” หมายความว่า ผู้ซึ่งรัฐมนตรีแต่งตั้งให้ปฏิบัติการตามพระราชบัญญัตินี้

“นายทะเบียน” หมายความว่า นายทะเบียนกลางสมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์ หรือนายทะเบียนสมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์ประจำท้องที่ แล้วแต่กรณี

“อธิบดี” หมายความว่า อธิบดีกรมประชาสงเคราะห์

“ปลัดกระทรวง” หมายความว่า ปลัดกระทรวงมหาดไทย

มาตรา 5 ห้ามมิให้บุคคลใดนอกจากสมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์และการฌาปนกิจสงเคราะห์ที่ได้ขึ้นทะเบียนแล้ว ใช้คำแสดงชื่อในธุรกิจว่า “ฌาปนกิจสงเคราะห์” หรือคำอื่นใดที่มีความหมายเช่นเดียวกัน

มาตรา 6 ให้อธิบดีกรมประชาสงเคราะห์เป็นนายทะเบียนกลางสมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์ และเป็นนายทะเบียนสมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์ประจำท้องที่กรุงเทพมหานคร ส่วนนายทะเบียนสมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์ประจำท้องที่อื่นให้รัฐมนตรีแต่งตั้งขึ้นตามความจำเป็น

มาตรา 7 ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยรักษาการตามพระราชบัญญัตินี้ และให้มีอำนาจแต่งตั้งพนักงานเจ้าหน้าที่กับออกกฎกระทรวงกำหนดค่าธรรมเนียมไม่เกินอัตราท้ายพระราชบัญญัตินี้ ยกเว้นค่าธรรมเนียมและกำหนดกิจการอื่นเพื่อปฏิบัติการตามพระราชบัญญัตินี้

กฎกระ ทรวงนั้น เมื่อได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้วให้ใช้บังคับได้

หมวด 2

การจัดตั้งสมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์

มาตรา 8 สมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์จะมีขึ้นได้โดยอาศัยอำนาจตามบทแห่งพระราชบัญญัตินี้เท่านั้น

สมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์จะมีวัตถุที่ประสงค์นอกจากการฌาปนกิจสงเคราะห์ด้วยมิได้

มาตรา 9 สมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์ต้องมีข้อบังคับและต้องจดทะเบียนเมื่อได้จดทะเบียนแล้ว สมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์มีฐานะเป็นนิติบุคคล

มาตรา 10 การตั้งสาขาสมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์จะกระทำมิได้

มาตรา 11 การขอจดทะเบียนสมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์นั้นให้ผู้เริ่มก่อการจัดตั้งสมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์จำนวนไม่น้อยกว่าเจ็ดคนยื่นคำขอต่อนายทะเบียนประจำท้องที่ที่จะตั้งสำนักงานสมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์ หรือนายทะเบียนกลางถ้าไม่มีนายทะเบียนประจำท้องที่ในท้องที่นั้น ตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กำหนดในกฎกระทรวง พร้อมด้วยข้อบังคับของสมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์อย่างน้อยสามฉบับ

มาตรา 12 ในการขอจดทะเบียนนั้น ถ้าได้ปฏิบัติถูกต้องครบถ้วนตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 11 มีข้อบังคับถูกต้องตามมาตรา 14 และข้อบังคับนั้นไม่ขัดต่อกฎหมายและวัตถุที่ประสงค์ของสมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์ กับทั้งผู้เริ่มก่อการจัดตั้งสมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์ทุกคนเป็นผู้มีหลักฐานสมควรแก่วัตถุที่ประสงค์ของสมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์ ให้นายทะเบียนรับจดทะเบียนได้ และให้ออกใบสำคัญแสดงการจดทะเบียนตามแบบที่กำหนดในกฎกระทรวง ให้แก่สมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์นั้น

ถ้านายทะเบียนเห็นว่า จะรับจดทะเบียนตามวรรคหนึ่งมิได้ให้นายทะเบียนมีคำสั่งไม่รับจดทะเบียน และแจ้งคำสั่งไม่รับจดทะเบียนพร้อมด้วยเหตุผลที่ไม่รับจดทะเบียนไปยังผู้ขอจดทะเบียนโดยมิชักช้า ผู้ขอจดทะเบียนมีสิทธิอุทธรณ์คำสั่งนั้นต่อปลัดกระทรวงได้ โดยทำเป็นหนังสือยื่นต่อนายทะเบียนภายในสิบห้าวันนับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่ง

คำวินิจฉัยของปลัดกระทรวงให้เป็นที่สุด

มาตรา 13 ให้นายทะเบียนกลางสมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์ประกาศการจดทะเบียนสมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์ในราชกิจจานุเบกษา

มาตรา 14 ข้อบังคับของสมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์อย่างน้อยต้องมีข้อความดังต่อไปนี้

(1) ชื่อ ซึ่งต้องมีคำว่า “สมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์” กำกับไว้กับชื่อนั้นด้วย

(2) วัตถุที่ประสงค์

(3) ที่ตั้งสำนักงาน

(4) วิธีรับสมาชิกและการขาดจากสมาชิกภาพ

(5) อัตราเงินค่าสมัครและอัตราเงินสงเคราะห์และวิธีการชำระเงินนั้น

(6) ข้อกำหนดเกี่ยวกับสิทธิและหน้าที่ของสมาชิก

(7) วิธีการจ่ายเงินค่าจัดการศพหรือค่าจัดการศพและสงเคราะห์ครอบครัว

(8) ข้อกำหนดเกี่ยวกับการใช้จ่ายและการเก็บรักษาเงิน

(9) ข้อกำหนดเกี่ยวกับการประชุมใหญ่

(10) ข้อกำหนดเกี่ยวกับจำนวนกรรมการ การพ้นจากตำแหน่งของกรรมการ และการประชุมของคณะกรรมการ

มาตรา 15 การแก้ไขหรือเพิ่มเติมข้อบังคับของสมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์ จะกระทำได้ก็แต่โดยมติของที่ประชุมใหญ่และต้องนำไปจดทะเบียนภายในสิบสี่วันนับแต่วันที่ที่ประชุมใหญ่ลงมติ

นายทะเบียนมีอำนาจไม่รับจดทะเบียนการแก้ไข หรือเพิ่มเติมข้อบังคับของสมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์ได้ ในเมื่อเห็นว่าการแก้ไขหรือเพิ่มเติมนั้นขัดต่อวัตถุที่ประสงค์ของสมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์หรือขัดต่อกฎหมาย

การแก้ไขหรือเพิ่มเติมข้อบังคับของสมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์จะยังไม่มีผลใช้บังคับจนกว่านายทะเบียนจะได้รับจดทะเบียนแล้ว

ในกรณีที่นายทะเบียนไม่รับจดทะเบียนการแก้ไขหรือเพิ่มเติมข้อบังคับของสมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์ ให้นำมาตรา 12 วรรคสอง และวรรคสามมาใช้บังคับโดยอนุโลม

มาตรา 16 สมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์ต้องจัดให้มีป้ายชื่อเป็นภาษาไทยอ่านได้ชัดเจนติดไว้ที่หน้าสำนักงาน และต้องติดใบสำคัญแสดงการจดทะเบียนไว้ที่สำนักงานในที่เปิดเผยเห็นได้ง่าย

มาตรา 17 ในกรณีที่ใบสำคัญแสดงการจดทะเบียนสูญหาย ถูกทำลายหรือชำรุดในสาระสำคัญ ให้นายทะเบียนออกใบแทนใบสำคัญแสดงการจดทะเบียนให้เมื่อสมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์ร้องขอ

หมวด 3

การดำเนินกิจการสมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์

มาตรา 18 ให้สมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์มีคณะกรรมการเป็นผู้ดำเนินกิจการของสมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์และเป็นผู้แทนของสมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์ในกิจการที่เกี่ยวกับบุคคลภายนอก เพื่อการนี้คณะกรรมการจะมอบหมายให้กรรมการคนหนึ่งหรือหลายคนทำการแทนก็ได้

มาตรา 19 การตั้งกรรมการและการเปลี่ยนตัวกรรมการให้ทำได้โดยมติของที่ประชุมใหญ่ และต้องนำไปจดทะเบียนภายในสิบสี่วันนับแต่วันที่ที่ประชุมใหญ่ลงมติ

มาตรา 20 ให้ผู้เริ่มก่อการจัดตั้งสมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์ นัดสมาชิกมาประชุมกันเป็นการประชุมใหญ่สามัญครั้งแรกภายในเก้าสิบวัน นับแต่วันที่จดทะเบียนสมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์ เพื่อตั้งคณะกรรมการและมอบหมายการทั้งปวงให้แก่คณะกรรมการ ในระหว่างที่ยังมิได้มีการประชุมใหญ่สามัญครั้งแรกให้ผู้เริ่มก่อการจัดตั้งสมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์มีอำนาจหน้าที่และความรับผิดเช่นเดียวกับคณะกรรมการ

การประชุมใหญ่สามัญครั้งต่อไป ให้คณะกรรมการเรียกประชุมปีละหนึ่งครั้ง แต่ทั้งนี้จะกำหนดไว้ในข้อบังคับให้เรียกประชุมมากกว่านั้นก็ได้

มาตรา 21 คณะกรรมการจะเรียกประชุมใหญ่วิสามัญเมื่อใดก็สุดแต่จะเห็นสมควร

สมาชิกมีจำนวนไม่น้อยกว่าหนึ่งในห้าของจำนวนสมาชิกทั้งหมด หรือไม่น้อยกว่าห้าสิบคน จะทำหนังสือร้องขอต่อคณะกรรมการให้เรียกประชุมใหญ่วิสามัญเพื่อการหนึ่งการใดเมื่อใดก็ได้

ในกรณีที่สมาชิกเป็นผู้ร้องขอให้เรียกประชุมใหญ่วิสามัญ ให้คณะกรรมการเรียกประชุมใหญ่วิสามัญภายในสามสิบวันนับแต่วันที่ได้รับคำร้องขอ ถ้าคณะกรรมการไม่เรียกประชุมใหญ่วิสามัญภายในระยะเวลาดังกล่าว ให้นายทะเบียนมีอำนาจเรียกประชุมใหญ่วิสามัญได้

มาตรา 22 การประชุมใหญ่ต้องมีสมาชิกมาประชุมไม่น้อยกว่ากึ่งจำนวนของสมาชิกทั้งหมด หรือไม่น้อยกว่าห้าสิบคน จึงจะเป็นองค์ประชุม

ถ้าในการประชุมนัดแรกสมาชิกมาไม่ครบองค์ประชุม หากการประชุมนั้นได้นัดโดยสมาชิกร้องขอ ให้เลิกประชุม ถ้าการประชุมนั้นมิใช่โดยสมาชิกร้องขอให้นัดประชุมใหญ่อีกครั้งหนึ่งภายในสิบสี่วัน การประชุมครั้งหลังนี้ ไม่บังคับว่าจำต้องครบองค์ประชุม

มาตร า 23 ในการประชุมใหญ่ สมาชิกคนหนึ่งมีเสียงหนึ่งในการลงคะแนน การวินิจฉัยชี้ขาดให้ถือเสียงข้างมาก ถ้าคะแนนเสียงเท่ากันให้ประธานในที่ประชุมออกเสียงเพิ่มขึ้นอีกเสียงหนึ่ง เป็นเสียงชี้ขาด

มาตรา 24 สมาชิกจะมอบฉันทะให้ผู้อื่นมาประชุมใหญ่และออกเสียงแทนตนก็ได้ แต่การมอบฉันทะเช่นนี้ต้องทำเป็นหนังสือ

มาตรา 25 นายทะเบียนและพนักงานเจ้าหน้าที่อาจเข้าร่วมการประชุมใหญ่ของสมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์ และอาจชี้แจงแสดงข้อคิดเห็นแก่ที่ประชุมใหญ่ได้ แต่ไม่มีสิทธิออกเสียงลงคะแนน

มาตรา 26 ห้ามมิให้สมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์เรียกเก็บเงินอื่นใดจากสมาชิกนอกเหนือจากเงินค่าสมัคร เงินค่าบำรุงและเงินสงเคราะห์

เงินค่าสมัครให้เรียกเก็บจากผู้ซึ่งสมัครเข้าเป็นสมาชิกในครั้งแรกเพียงครั้งเดียวตามอัตราที่กำหนดไว้ในข้อบังคับ และต้องไม่เกินคนละห้าสิบบาท

เงินค่าบำรุงให้เรียกเก็บจากสมาชิกเป็นรายเดือนหรือรายปีตามอัตราที่กำหนดไว้ในข้อบังคับ และต้องไม่เกินคนละยี่สิบสี่บาทต่อปี

เงินสงเคราะห์ให้เรียกเก็บได้ตามจำนวนสมาชิกที่ตาย ตามอัตราที่กำหนดไว้ในข้อบังคับ และต้องไม่เกินรายละยี่สิบบาท

สมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์อาจเรียกเก็บเงินสงเคราะห์ไว้ล่วงหน้าเพื่อสำรองจ่ายเป็นค่าจัดการศพได้ แต่ต้องไม่เกินอัตราที่ที่ประชุมใหญ่กำหนด

ในกรณีที่สมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์เลิก หรือสมาชิกผู้ใดพ้นจากสมาชิกภาพ ให้สมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์คืนเงินสงเคราะห์ที่เรียกเก็บไว้ล่วงหน้าให้แก่สมาชิกเท่าที่สมาชิกผู้นั้นยังไม่ตกอยู่ในความผูกพันที่จะต้องจ่ายเงินสงเคราะห์ตามที่ได้จ่ายล่วงหน้าไว้ให้แล้ว

มาตรา 27 สมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์อาจหักเงินจำนวนหนึ่งไว้จากเงินสงเคราะห์ได้ตามสมควร เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินกิจการของสมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์ตามอัตราที่ที่ประชุมใหญ่กำหนด และต้องไม่เกินอัตราที่กำหนดไว้ในกฎกระทรวง

กฎกระทรวงกำหนดอัตราค่าใช้จ่ายในการดำเนินกิจการของสมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์ตามวรรคหนึ่ง จะกำหนดให้แตกต่างกันตามฐานะของสมาคมที่มีสมาชิกมากน้อยกว่ากันก็ได้

มาตรา 28 กรรมการของสมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์ไม่มีสิทธิได้รับค่าจ้างหรือเงินหรือประโยชน์อย่างอื่นทำนองเดียวกันจากสมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์

กรรมการของสมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์อาจได้รับเบี้ยประชุม ค่าพาหนะ หรือเงิน หรือประโยชน์อย่างอื่นทำนองเดียวกัน จากสมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์ได้ หากสมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์ได้วางระเบียบไว้ให้จ่ายได้

ระเบียบของสมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์ว่าด้วยการจ่ายเบี้ยประชุมค่าพาหนะ หรือเงิน หรือประโยชน์อย่างอื่นทำนองเดียวกัน ให้แก่กรรมการของสมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์ ต้องกระทำโดยมติของที่ประชุมใหญ่ และต้องส่งสำเนาที่มีคำรับรองว่าถูกต้องต่อนายทะเบียน

มาตรา 29 ห้ามมิให้ผู้ใดชักชวน ชี้ช่อง หรือจัดการโดยวิธีใด ๆ ที่คล้ายคลึงกัน ให้ผู้ใดเข้าเป็นสมาชิกในสมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์ ซึ่งยังมิได้จดทะเบียนโดยถูกต้องตามกฎหมาย

มาตรา 30 ห้ามมิให้ผู้ใดชักชวน ชี้ช่อง หรือจัดการให้บุคคลเข้าเป็นสมาชิกในสมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์ โดยได้รับประโยชน์ตอบแทนเป็นเงินหรือทรัพย์สินอื่นไม่ว่าจะเป็นสินจ้างหรือค่าใช้จ่ายอื่นจากการชักชวน ช ี้ช่อง หรือจัดการนั้น

มาตรา 31 ในการติดต่อกับสมาชิก พนักงานเจ้าหน้าที่และบุคคลภายนอกสมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์ต้องเปิดทำการตามวัน และเวลาที่กำหนดไว้ในข้อบังคับซึ่งต้องไม่น้อยกว่าสามวันต่อหนึ่งสัปดาห์ และวันหนึ่งต้องไม่น้อยกว่าหกชั่วโมง

ให้สมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์ประกาศวันและเวลาเปิดทำการไว้ที่สำนักงาน

มาตรา 32 สมาชิกมีสิทธิขอตรวจสอบบัญชีและเอกสารของสมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์ เพื่อทราบการดำเนินกิจการของสมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์ที่สำนักงานของสมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์ได้ในเวลาเปิดทำการ

หมวด 4

การควบคุมสมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์

มาตรา 33 สมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์ ต้องจัดให้มีทะเบียนสมาชิกตามแบบที่นายทะเบียนกลางกำหนด และให้เก็บรักษาทะเบียนดังกล่าวไว้ที่สำนักงาน พร้อมทั้งหลักฐานและเอกสารที่ใช้ประกอบการลงทะเบียน

สมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์ต้องส่งสำเนาทะเบียนสมาชิกที่มีอยู่ในวันที่ครบเก้าสิบวัน นับแต่วันที่จดทะเบียนให้แก่นายทะเบียนภายในสิบสี่วันนับแต่วันดังกล่าว และเมื่อสิ้นเดือนมิถุนายนและเดือนธันวาคมของทุกปี สมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์ต้องส่งสำเนาทะเบียนสมาชิกตามที่เป็นอยู่ในวันสิ้นเดือนนั้น ต่อนายทะเบียนภายในสิบสี่วันนับแต่วันสิ้นเดือนนั้น

มาตรา 34 สมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์ ต้องจัดให้มีบัญชีแสดงฐานะการเงินตามแบบที่นายทะเบียนกลางกำหนด และต้องเก็บรักษาเอกสารประกอบบัญชีแสดงให้เห็นความถูกต้องแห่งบัญชีนั้นไว้ด้วย

มาตรา 35 เมื่อสิ้นปีปฏิทินทุกปี สมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์ต้องทำบัญชีงบดุลตามแบบที่นายทะเบียนกลางกำหนดเสนอต่อที่ประชุมใหญ่เพื่ออนุมัติภายในหกสิบวันนับแต่วันสิ้นปี

สมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์ต้องส่งสำเนางบดุลตามวรรคหนึ่งที่มีคำรับรองว่าถูกต้องต่อนายทะเบียนภายในสิบสี่วันนับแต่วันที่ที่ประชุมใหญ่อนุมัติ และต้องแสดงไว้ที่สำนักงานเพื่อให้สมาชิกและผู้มีส่วนได้เสียตรวจดูได้ด้วย

มาตรา 36 หลักฐานเอกสารตามมาตรา 33 มาตรา 34 และมาตรา 35 สมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์ต้องเก็บรักษาไว้เป็นเวลาไม่น้อยกว่าสิบปี

มาตรา 37 ผู้มีส่วนได้เสียจะขอตรวจเอกสาร หรือคัดเอกสาร หรือขอให้คัดรายการและรับรองสำเนาเอกสารเกี่ยวกับสมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์จากนายทะเบียน ให้ยื่นคำขอตามแบบที่นายทะเบียนกลางกำหนด

มาตรา 38 เพื่อประโยชน์แก่การดำเนินกิจการของสมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์ให้เป็นไปด้วยดี เมื่อมีกรณีที่นายทะเบียนเห็นสมควรที่จะได้ฟังความคิดเห็นและคำวินิจฉัยของสมาชิกในปัญหาหรือกิจการใด นายทะเบียนมีอำนาจสั่งให้คณะกรรมการของสมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์เรียกประชุมใหญ่วิสามัญ เพื่อพิจารณาและวินิจฉัยปัญหาหรือกิจการนั้นได้ และให้นำมาตรา 21 วรรคสาม มาใช้บังคับโดยอนุโลม

มาตรา 39 การประชุมใหญ่ของสมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์ ถ้าได้นัดเรียกหรือได้ประชุมกัน หรือได้ลงมติฝ่าฝืนต่อกฎหมายหรือข้อบังคับของสมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์ เมื่อสมาชิกคนหนึ่งคนใดหรือพนักงานเจ้าหน้าที่ร้องขอ นายทะเบียนมีอำนาจสั่งให้เพิกถอนมติของที่ประชุมใหญ่ที่เกิดขึ้นในการประชุมที่ได้เรียก หรือได้ประชุมกัน หรือที่ได้ลงมติฝ่าฝืนต่อกฎหมายหรือข้อบังคับของสมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์นั้นเสียได้ การร้องขอให้เพิกถอนมติของที่ประชุมใหญ่นั้น ถ้าสมาชิกเป็นผู้ร้องขอ ต้องร้องขอภายในสามสิบวันนับแต่วันที่ที่ประชุมใหญ่ลงมติ

ในกรณีที่นายทะเบียนมีคำสั่งให้เพิกถอนมติของที่ประชุมใหญ่กรรมการของสมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์คนหนึ่งคนใดมีสิทธิอุทธรณ์คำสั่งนั้นต่อปลัดกระทรวงได้ โดยทำเป็นหนังสือยื่นต่อนายทะเบียนภายในสิบห้าวันนับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่ง

คำวินิจฉัยของปลัดกระทรวงให้เป็นที่สุด

มาตรา 40 ให้นายทะเบียนและพนักงานเจ้าหน้าที่มีอำนาจตรวจสอบกิจการและฐานะการเงินของสมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์ เพื่อการนี้ให้นายทะเบียนและพนักงานเจ้าหน้าที่มีอำนาจ

(1) เข้าไปในสำนักงานของสมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์ในเวลาระหว่างพระอาทิตย์ขึ้นถึงพระอาทิตย์ตก

(2) สั่งให้กรรมการ พนักงาน หรือลูกจ้างของสมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์ส่งหรือแสดงบัญชีและเอกสารของสมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์

(3) สอบถามบุคคลใน (2) หรือเรียกบุคคลดังกล่าวมาเพื่อสอบถามหรือแสดงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการดำเนินกิจการของสมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์

มาตรา 41 ในการปฏิบัติหน้าที่ นายทะเบียนและพนักงานเจ้าหน้าที่ต้องแสดงบัตรประจำตัวตามแบบที่กำหนดในกฎกระทรวง เมื่อผู้เกี่ยวข้องร้องขอ

หมวด 5

การฌาปนกิจสงเคราะห์ของส่วนราชการ

องค์การของรัฐและรัฐวิสาหกิจ

มาตรา 42 ส่วนราชการ องค์การของรัฐ หรือรัฐวิสาหกิจใด ที่ประสงค์จะดำเนินกิจการการฌาปนกิจสงเคราะห์ ให้ปฏิบัติตามระเบียบที่กำหนดในมาตรา 43

มาตรา 43 ให้กระทรวงมหาดไทยกำหนดระเบียบการขึ้นทะเบียนการดำเนินกิจการ การควบคุม และการเลิกกิจการการฌาปนกิจสงเคราะห์ของส่วนราชการ องค์การของรัฐ หรือรัฐวิสาหกิจขึ้นไว้ ระเบียบนี้เมื่อได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีแล้วให้ใช้บังคับได้

เมื่อการฌาปนกิจสงเคราะห์ของส่วนราชการ องค์การของรัฐ หรือ รัฐวิสาหกิจ ได้ขึ้นทะเบียนตามระเบียบที่ กระทรวงมหาดไทยกำหนดในวรรคหนึ่งแล้ว ให้ถือว่าการฌาปนกิจสงเคราะห์ดังกล่าวเป็นงานอันอยู่ในอำนาจหน้าที่ของส่วนราชการองค์การของรัฐ หรือรัฐวิสาหกิจนั้น

หมวด 6

การเลิกฌาปนกิจสงเคราะห์

มาตรา 44 สมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์ย่อมเลิกด้วยเหตุหนึ่งเหตุใด ดังต่อไปนี้

(1) ที่ประชุมใหญ่ลงมติให้เลิก

(2) นายทะเบียนสั่งให้เลิกตามมาตรา 45

(3) ศาลสั่งให้เลิกตามมาตรา 47

เมื่อเลิกสมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์ ให้นายทะเบียนกลางประกาศการเลิกในราชกิจจานุเบกษา และให้นายทะเบียนประจำท้องที่ปิดประกาศที่สำนักงานสมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์ด้วย

มาตรา 45 นายทะเบียนมีอำนาจสั่งให้เลิกสมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์ได้ในกรณีดังต่อไปนี้

(1) สมาชิกไม่น้อยกว่าหนึ่งในสี่ของจำนวนสมาชิกทั้งหมดร่วมกันยื่นคำร้องขอต่อนายทะเบียนขอให้เลิกสมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์พร้อมด้วยเหตุผลประกอบคำร้องขอ และนายทะเบียนได้สอบสวนหลักฐานตามเหตุผลประกอบคำร้องขอ แล้วเป็นที่ปรากฏแน่ชัดว่าสมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์ สมควรจะต้องเลิกดำเนินกิจการตามคำร้องขอนั้น

(2) บุคคลอื่นซึ่งมิได้เป็นกรรมการของสมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์คนหนึ่งหรือหลายคนเข้ามากระทำการในฐานะกรรมการของสมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์นั้น และนายทะเบียนได้มีคำสั่งให้บุคคลดังกล่าวเลิกกระทำการในฐานะกรรมการของสมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์แล้ว แต่ไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของนายทะเบียน

(3) มีพฤติการณ์ที่ทำให้เห็นว่าการดำเนินกิจการของสมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์นั้น ไม่เป็นไปโดยสุจริต และนายทะเบียนได้สอบสวนพฤติการณ์ดังกล่าวแล้วมีเหตุผลเป็นที่เชื่อถือได้

(4) มีพฤติการณ์ที่ทำให้เห็นว่าการดำเนินกิจการของสมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์ไม่อาจจะดำเนินต่อไปได้ไม่ว่าเพราะเหตุใด ๆ

เมื่อนายทะเบียนสั่งเลิกสมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์ใด ให้แจ้งคำสั่งเป็นหนังสือพร้อมด้วยเหตุผลไปยังสมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์นั้นโดยมิชักช้า

มาตรา 46 กรรมการคนหนึ่งคนใดของสมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์ที่นายทะเบียนสั่งเลิกตามมาตรา 45 มีสิทธิอุทธรณ์ต่อปลัดกระทรวงโดยทำ เป็นหนังสือยื่นต่อนายทะเบียนภายในสิบห้าวันนับแต่วันที่ได้รับคำสั่ง และให้นายทะเบียนส่งคำอุทธรณ์ต่อไปยังปลัดกระทรวงโดยมิชักช้า

คำวินิจฉัยของปลัดกระทรวงให้เป็นที่สุด

มาตรา 47 ในกรณีที่นายทะเบียนต้องดำเนินการตามมาตรา 45 แต่นายทะเบียนเพิกเฉยหรือไม่ปฏิบัติตามอำนาจหน้าที่นั้นเมื่อผู้มีส่วนได้เสียร้องขอศาลอาจสั่งให้เลิกสมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์เสียก็ได้

มาตรา 48 เมื่อสมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์ใดต้องเลิกไม่ว่าด้วยเหตุใด ให้มีการชำระบัญชีสมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์นั้น และให้นำความในบรรพ 3 ลักษณะ 22 หมวด 5 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์อันว่าด้วยการชำระบัญชีห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน ห้างหุ้นส่วนจำกัดและบริษัทจำกัด มาใช้บังคับโดยอนุโลม

มาตรา 49 เมื่อได้ชำระบัญชีแล้ว ถ้ามีทรัพย์สินเหลืออยู่จะแบ่งให้แก่สมาชิกสมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์ไม่ได้ ทรัพย์สินนั้นจะต้องโอนไปให้แก่นิติบุคคลอื่นตามที่ระบุไว้ในข้อบังคับของสมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์ หรือตามที่ที่ประชุมใหญ่ได้มีมติไว้หรือถ้ามิได้ระบุไว้ในข้อบังคับและที่ประชุมใหญ่มิได้มีมติไว้ ให้ทรัพย์สินนั้นตกเป็นของรัฐ

หมวด 7

บทกำหนดโทษ

มาตรา 50 ผู้ใดดำเนินกิจการการฌาปนกิจสงเคราะห์โดยมิได้จดทะเบียนเป็นสมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์หรือขึ้นทะเบียนการฌาปนกิจสงเคราะห์ตามพระราชบัญญัตินี้ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

มาตรา 51 ผู้ใดเป็นสมาชิกของการฌาปนกิจสงเคราะห์โดยรู้ว่าการฌาปนกิจสงเคราะห์นั้นมิได้จดทะเบียนเป็นสมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์หรือขึ้นทะเบียนการฌาปนกิจสงเคราะห์ตามพระราชบัญญัตินี้ ต้องระวางโทษปรับไม่เกินห้าร้อยบาท

มาตรา 52 ผู้ใดใช้คำแสดงชื่อในธุรกิจว่า “ฌาปนกิจสงเคราะห์” หรือคำอื่นใดที่มีความหมายเช่นเดียวกันอันเป็นการฝ่าฝืนมาตรา 5 ต้องระวางโทษปรับไม่เกินสองพันบาท และปรับอีกไม่เกินวันละหนึ่งร้อยบาท จนกว่าจะได้เลิกใช้

มาตรา 53 สมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์ใดไม่ปฏิบัติตามมาตรา 15 วรรคหนึ่ง มาตรา 16 หรื อมาตรา 19 ต้องระวางโทษปรับไม่เกินห้าร้อยบาท

มาตรา 54 สมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์ใดฝ่าฝืนมาตรา 26 วรรคหนึ่ง หรือเรียกเก็บเงินจากผู้สมัครเข้าเป็นสมาชิกหรือสมาชิกเกินกว่าที่กำหนด อันเป็นการฝ่าฝืนมาตรา 26 วรรคสอง วรรคสาม วรรคสี่ หรือวรรคห้า ต้องระวางโทษปรับไม่เกินสองพันบาท

มาตรา 55 สมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์ใดหักเงินไว้จากเงินสงเคราะห์เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินกิจการของสมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์เกินกว่าที่กำหนด อันเป็นการฝ่าฝืนมาตรา 27 วรรคหนึ่ง ต้องระวางโทษปรับไม่เกินสองพันบาท

มาตรา 56 กรรมการของสมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์ผู้ใดรับเงินหรือทรัพย์สินหรือประโยชน์ใดจากสมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์โดยไม่มีสิทธิที่จะรับได้ตามมาตรา 28 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินสองพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

มาตรา 57 ผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา 29 หรือมาตรา 30 ถ้าการกระทำอันเป็นการฝ่าฝืนนั้นไม่เป็นความผิดฐานฉ้อโกง ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหกเดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่งพันบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ

มาตรา 58 สมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์ใดไม่ปฏิบัติตามมาตรา 33 มาตรา 34 มาตรา 35 หรือมาตรา 36 ต้องระวางโทษปรับไม่เกินหนึ่งพันบาท

มาตรา 59 ผู้ใดแบ่งหรือโอนทรัพย์สินที่เหลืออยู่เมื่อได้ชำระบัญชีแล้วให้แก่บุคคลใดอันเป็นการฝ่าฝืนมาตรา 49 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปีหรือปรับไม่เกินสองพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

มาตรา 60 ในกรณีที่สมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์กระทำความผิดตามพระราชบัญญัตินี้ กรรมการของสมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์ต้องระวางโทษเช่นเดียวกับสมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์ เว้นแต่จะพิสูจน์ได้ว่าตนมิได้มีส่วนในการกระทำความผิดของสมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์นั้นด้วย

บทเฉพาะกาล

มาตรา 61 ให้ส่วนราชการ องค์การของรัฐ หรือรัฐวิสาหกิจ ที่ดำเนินกิจการการฌาปนกิจสงเคราะห์อยู่ก่อนวันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ และยังมิได้จดทะเบียนสมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์ตามกฎหมายที่ถูกยกเลิกในมาตรา 3 ขึ้นทะเบียนการฌาปนกิจสงเคราะห์ต่อกรมประชาสงเคราะห์ตามระเบียบที่กำหนดในมาตรา 43 ภายในหนึ่งร้อยยี่สิบวันนับแต่วันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ

ส่วนราชการ องค์การของรัฐ หรือรัฐวิสาหกิจ ที่ได้ยื่นคำขอจดทะเบียนสมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์ตามกฎหมายที่ถูกยกเลิกในมาตรา 3 ไว้แล้วก่อนวันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ หากประสงค์จะขอจดทะเบียนสมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์ตามพระราชบัญญัตินี้ต่อไป ให้กระทำได้และให้ถือว่าคำขอจดทะเบียนสมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์ที่ยื่นไว้นั้นเป็นคำขอจดทะเบียนตามมาตรา 11

มาตรา 62 นับแต่วันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ ให้ถือว่าสมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์ที่จดทะเบียนตามกฎหมายที่ถูกยกเลิกในมาตรา 3 เป็นสมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์ที่จดทะเบียนตามพระราชบัญญัตินี้ และมีสิทธิหน้าที่และความรับผิดตามพระราชบัญญัตินี้ทุกประการ

ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ

สัญญา ธรรมศักดิ์

นายกรัฐมนตรี

อัตราค่าธรรมเนียม

——–

(1) คำขอจดทะเบียนสมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์ ฉบับละ 20 บาท

(2) คำขอจดทะเบียนแก้ไขหรือเพิ่มเติมข้อบังคับ

ของสมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์ ฉบับละ 10 บาท

(3) คำขอจดทะเบียนตั้งหรือเปลี่ยนตัวกรรมการ

ของสมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์ ฉบับละ 10 บาท

(4) คำขอตรวจหรือคัดเอกสารเกี่ยวกับสมาคม

ฌาปนกิจสงเคราะห์ ฉบับละ 10 บาท

(5) คำขอเกี่ยวกับสมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์

อย่างอื่นนอกจาก (1) (2) (3) และ (4) ฉบับละ 5 บาท

(6) ใบสำคัญแสดงการจดทะเบียนสมาคม

ฌาปนกิจสงเคราะห์ ฉบับละ 100 บาท

(7) ใบแทนใบสำคัญแสดงการจดทะเบียน

สมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์ ฉบับละ 20 บาท

(8) การรับรองสำเนาเอกสารเกี่ยวกับ

สมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์ ฉบับละ 5 บาท

หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้ คือ เนื่องจากปรากฏว่าส่วนราชการ องค์การของรัฐ และรัฐวิสาหกิจ ไม่สามารถดำเนินกิจการการฌาปนกิจสงเคราะห์ให้เป็นไปตามรูปของสมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์ตามประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 287 ลงวันที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ.2515 ได้ประกอบกับบทบัญญัติบางข้อแห่งประกาศของคณะปฏิวัติฉบับดังกล่าวไม่เหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบันและมีข้อขัดข้องในทางปฏิบัติด้วย สมควรปรับปรุงประกาศของคณะปฏิวัติฉบับดังกล่าว เพื่อให้ส่วนราชการ องค์การของรัฐ และรัฐวิสาหกิจสามารถดำเนินกิจการการฌาปนกิจสงเคราะห์ได้โดยชอบด้วยกฎหมายและเพื่อให้เหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบัน จึงจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี้ขึ้น

(1) รก.2517/109/25พ/26 มิถุนายน 2517